ตลาดผันผวนแบบนี้ ใช้ DW ป้องกันความเสี่ยงอย่างไรให้อุ่นใจ?

ประเด็นสำคัญ

#1. Put DW อาวุธลับสำหรับการ Hedge หุ้นขาลง

#2. การคำนวณ DW ที่จะ Hedge ด้วยค่า Effective Gearing

#3. ข้อควรระวัง! ก่อนจะ Hedge ต้องดูอะไรบ้าง?

 

     นักลงทุนทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ความพิเศษของ DW หรือ Derivative Warrant นั้นคือการเปิดโอกาสให้เราได้ลงทุนอ้างอิงกับหลักทรัพย์อ้างอิงด้วยเงินเพียงหลักร้อย และยังเป็นประตูสู่การลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตอีกด้วย แต่ยังมีข้อดีอีกหนึ่งประการที่บางคนอาจลืมไปแล้ว หรือสำหรับนักลงทุนมือใหม่บางคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน นั่นก็คือการ “Hedging” หรือการใช้ DW ในการป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง

     J.P. Morgan จึงได้สรุปข้อมูลดี ๆ และนำเสนอในรูปแบบที่อ่านง่ายมาให้คุณได้รู้กัน หากใครอยากใช้ DW ป้องกันความเสี่ยงให้กับหุ้นสามัญที่ถือครองอยู่ สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กับแผนการลงทุนของตัวเองได้เลย

 

 

Put DW อาวุธลับสำหรับการ Hedge หุ้นขาลง

     สิทธิในการซื้อขายหลักทรัพย์อ้างอิงนั้นมี 2 ประเภท คือ สิทธิซื้อ หรือ Call DW ซึ่งราคาจะขยับขึ้นลงตามทิศทางของดัชนีหรือหุ้นอ้างอิง หากหลักทรัพย์อ้างอิงปรับตัวขึ้น Call DW ก็จะขยับขึ้นด้วย เป็นต้น ในขณะที่ Put DW เป็นสิทธิขาย มีราคาขยับสวนทางกันกับหลักทรัพย์อ้างอิง หากหลักทรัพย์ตัวนั้นอยู่ในขาลง ทิศทางของ Put DW ก็จะปรับตัวขึ้น

     จากคุณสมบัติเหล่านี้เอง ทำให้ Put DW กลายมาเป็นอาวุธลับหรือเทคนิคที่นักลงทุนหลายคนเลือกใช้ในการป้องกันความเสี่ยง หรือ Hedge หุ้นตัวที่ถือครองอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อถัวเฉลี่ยมูลค่าไม่ให้ขาดทุนจากตลาดที่ผันผวน

     สำหรับเทคนิคในการเลือก Put DW เพื่อการ Hedging มีดังนี้

     + มีค่า Time Decay ต่ำ และอยู่ในสถานะ ITM (In-the-Money) จะได้ถือครองเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้นานขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเสื่อมมูลค่า

     + มีสัดส่วนของ Intrinsic Value ต่อราคาหลักทรัพย์อ้างอิงสูง

 

การคำนวณ DW ที่จะ Hedge ด้วยค่า Effective Gearing

     นักลงทุนสามารถเลือกซื้อ DW เพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ โดยการพิจารณาจากอัตราทด หรือ Effective Gearing เพื่อจะได้ซื้อ DW ในจำนวนที่เพียงพอต่อการตั้งรับความผันผวน และป้องกันไม่ให้ขาดทุนจากหลักทรัพย์อ้างอิงมากจนเกินไป

     วิธีคำนวณว่าจะซื้อ DW เพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ทำได้โดย

 

มูลค่า DW ที่ควรซื้อ = มูลค่าหุ้นในพอร์ตที่ต้องการ Hedge (บาท) / อัตราทดของ DW ตัวนั้น

   

     ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถือหุ้น AAA เอาไว้เป็นจำนวน 10,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 19.40 บาท คิดเป็นมูลค่า 194,000 บาท และต้องการป้องกันความเสี่ยง เพราะช่วงนี้แนวโน้ม SET50 อยู่ในช่วงขาลง คุณจึงมองหา DW ที่อ้างอิงราคากับหุ้นดังกล่าว โดย DW ตัวนั้นมีอัตราทดประมาณ 4 เท่า เพราะฉะนั้น เพื่อถัวเฉลี่ยให้คุณไม่ขาดทุนในพอร์ตหนักจนเกินไป จึงควรซื้อ DW อ้างอิงหุ้น AAA จำนวน 194,000 / 4 = 48,500 บาท

     จากตัวอย่างที่เราคำนวณให้ดู คุณคงพอเห็นภาพแล้วว่า หากเราซื้อ DW ที่มีค่า Effective Gearing สูงกว่านี้ จำนวนเงินที่เราลงทุนไปก็จะน้อยลง ซึ่งก็อาจเป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะ DW ที่มีค่า Effective Gearing สูงหลายตัวอยู่ในสถานะ OTM จึงมี Sensitivity ต่ำ และความเสี่ยงสูง คุณจึงอาจทำกำไรจาก DW ได้น้อยกว่าที่หวังเอาไว้

 

 

ข้อควรระวัง! ก่อนจะ Hedge ต้องดูอะไรบ้าง?

     + การใช้ DW ในการป้องกันความเสี่ยง ต้องเลือก DW ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ที่ต้องการ Hedge เท่านั้น เช่น SET50 DW สามารถใช้ป้องกันความเสี่ยงได้เฉพาะกับหุ้นที่อยู่ใน SET50 หรือกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ ที่ลงทุนใน SET50

     + ในการ Hedge อย่าลืมให้ความสำคัญกับค่า Time Decay ให้มาก ควรหลีกเลี่ยง DW ที่อยู่ในสถานะ OTM เนื่องจากมีค่า Time Decay สูง ไม่เหมาะกับการถือครองเพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นเวลานานกว่าปกติ

     + ไม่ควรเลือก DW ที่ใกล้ถึงวันครบกำหนดอายุ เพราะ DW อาจไม่เคลื่อนไหวสวนทางกับหลักทรัพย์อ้างอิงดังที่ควรจะเป็น และไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดีในการป้องกันความเสี่ยง

 

     เชื่อว่าจนถึงบทความนี้ นักลงทุนทุกท่านคงได้ไอเดียดี ๆ ในการลงทุน และสามารถจัดการพอร์ตของตัวเองอย่างมั่นใจมากขึ้นแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของการลงทุนคือการตัดสินใจอย่างไม่ประมาท และกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และหากใครต้องการก้าวสู่สนามการซื้อขาย DW ไม่ว่าจะเพื่อเก็งกำไรหรืออยากใช้ป้องกันความเสี่ยงเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการ สามารถเลือกลงทุนใน DW41 ซึ่งออกโดยสถาบันการเงินระดับโลกอย่าง J.P. Morgan ได้ ผ่านนักลงทุนสถาบันที่น่าเชื่อถือโดยใช้พอร์ตเดิมได้ โดยไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่